พลเมืองดีท้อ เก็บโทรศัพท์ได้ ประกาศตามหาเจ้าของ แต่กับเจอก็ตะคอกใส่ 

พลเมืองดีท้อ เก็บโทรศัพท์ได้ เชื่อว่าสำหรับใครที่เป็นเจ้าของทรัพย์สินทรัพย์อย่างหนึ่งเมื่อทำของหายแล้วก็อยากจะได้ของถึงเองคืน

ซึ่งแน่นอนว่าในยุคปัจจุบันนี้ตอนที่ทำของหายสักอย่างไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือหรือแม้แต่เงินสร้อยทองคำหรือแม้แต่เพชรพลอยต่างๆโอกาสที่ทำหายแล้วจะได้รับกลับคืนมานั้นค่อนข้างเป็นไปได้ยากเป็นอย่างมากแต่ถึงอย่างนั้นในสังคมไทยก็ยังมีคนดีอยู่

ซึ่งบางครั้งของที่เราทำหายไปอาจจะมีคนเจอและประกาศตามหาทำให้เราได้ทรัพย์สินที่เราทำหายกลับคืนมาได้ซึ่งแน่นอนว่าตามมารยาทที่ดีของคนไทยนั้นเมื่อมีคนนำของมาคืนให้เราควรที่จะต้องมีการขอบคุณหรือบางครั้งอาจจะต้องตอบแทนเป็นเงินกลับไป

       อย่างไรก็ตามเรื่องราวที่เราจะเล่าต่อไปนี้เป็นเรื่องราวของพลเมืองดีคนหนึ่งที่เขาทำความดีแล้วกลับถูกต่อว่าทำให้เขารู้สึกท้อใจเป็นอย่างมากและไม่อยากที่จะทำความดีอีกต่อไปโดยชอบคนนี้ได้มีการโพสต์เล่าเรื่องราวของตนเองลงใน Facebook เมื่อวันที่ 7 เดือนพฤษภาคม ปีพ.ศ. 2565

ซึ่งเขาระบุว่าเขาอยู่ที่บริเวณหาดจอมเทียนจังหวัดชลบุรีระหว่างที่เดินเล่นอยู่นั้นปรากฏว่าเจอโทรศัพท์มือถือจึงได้มีการนำมาโพสต์ลงในโซเชียลเพื่อตามหาเจ้าของโดยมีการระบุหมายเลขโทรศัพท์มือถือของตนเองเพื่อให้เจ้าของนั้นโทรกลับมาหาเพื่อที่จะได้มีการนำโทรศัพท์มือถือไปคืนให้   

        อย่างไรก็ตามพลเมืองดีคนนี้เราว่าเขาโพสต์ตามหาเจ้าของโทรศัพท์มือถือไม่นานก็มีคนติดต่อมาและมีการนัดเจอกันที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในจังหวัดชลบุรีหลังจากที่เจอหน้ากันแล้วพลเมืองดีต้องการที่จะให้มั่นใจได้ว่าผู้ที่ติดต่อมานั้นเป็นเจ้าของโทรศัพท์มือถือจริงหรือไม่

จึงได้มีการมอบโทรศัพท์มือถือให้แล้วให้ผู้ที่ระบุว่าเป็นเจ้าของโทรศัพท์มือถือทำการปลดล็อคโทรศัพท์มือถือให้ดูเพื่อเป็นการยืนยันว่าเป็นเจ้าของตัวจริงไม่ได้มีการแอบอ้างมา

         อย่างไรก็ตามแทนที่คนที่อ้างว่าเป็นเจ้าของโทรศัพท์มือถือจะขอบคุณในน้ำใจที่มีเก็บโทรศัพท์ได้แล้วนำมาคืนให้แต่ปรากฏว่ากลับถูกต่อว่าตะโกนใส่หน้าทั้งยืนยันว่าตนเองเป็นเจ้าของตัวจริงและตนเองนั้นไม่จำเป็นที่จะต้องกดรหัสให้ใครดูที่สำคัญไม่ต้องกลัวว่าเขานั้นจะเป็นวิชาชีพเพราะเขานั้นมีอาชีพเป็นครูโดยคนเป็นครูนั้นมีความซื่อสัตย์สุจริตอยู่ในสายอาชีพอยู่แล้ว  นอกจากนี้ยังมีคำพูดอีกหลายคำพูดที่ทางพลเมืองดีฟังแล้วรู้สึกไม่ชอบใจเป็นอย่างมาก 

       ดังนั้นหลังจากที่พลเมืองดีคนนี้ได้เล่าข้อมูลลงใน Facebook ของตนเองก็ระบุว่าเขานั้นรู้สึกว่าไม่อยากจะเป็นพลเมืองดีอีกต่อไปถ้าหากครั้งหน้าเขาเห็นโทรศัพท์มือถือของใครตกที่พื้นเขาจะแกล้งเป็นมองไม่เห็นเพราะไม่อยากต้องมาเจอกับคนที่นิสัยไม่ดีแบบนี้อีกแล้วแค่ครั้งเดียวก็เพียงพอแล้ว 

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย.    แทงบอลออนไลน์ ภาษาไทย