หนุ่มแชร์ประสบการณ์ โดนเรียกเก็บภาษีย้อนหลัง  ถูกเบี้ยปรับนับล้าน 

เมื่อวันที่ 13 เดือนธันวาคม  ปี พ.ศ 2566  ได้มีชายหนุ่มรายงานได้ออกมาโพสต์ผ่านทางโซเชียลเตือนภัยบรรดาพ่อค้าแม่ค้าทั้งหลายที่มีการเปิดร้านขายต้นไม้ซึ่งโดยปกติแล้ว  ร้านค้าธรรมดาทั่วไปที่ไม่ได้มีการเปิดเป็นบริษัทหรือจดทะเบียนห้างร้านก็มักจะไม่ค่อยมีใครยื่นเพื่อจ่ายภาษี

ซึ่ง ชายหนึ่งรายนี้ก็เช่นกัน เพราะตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมาตัวเขาเองนั้นก็ไม่เคยยื่นภาษีเลยถึงแม้ว่าจะมีรายได้จากการขายต้นไม้ก็ตามเนื่องจากว่าชายหนุ่มรายนี้มองว่าการขายต้นไม้นั้นเป็นสินค้าทางการเกษตร ไม่น่าจะต้องมีการเสียภาษีจึงไม่เคยใส่ใจที่จะมีการยื่นเรื่องการเสียภาษีเลย

อย่างไรก็ตามในประมาณ 3-4 ปีที่ผ่านมา  ต้นไม้ประเภทไม้ด่างได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก 

ตัวเขาเองจึงได้มีการนำไม้ด่างมาขายและสามารถสร้างรายได้ให้กับเขาเป็นจำนวนมาก  เนื่องจากมีเงินเข้าบัญชีเยอะทำให้เจ้าของโพสต์มียอดเงินเข้าเกณฑ์ที่จะต้องเสียภาษี  แต่เจ้าของโพสต์ไม่เคยศึกษาเรื่องการเสียภาษีมาก่อนจึงไม่รู้เรื่องราวดังกล่าวและไม่ได้ยื่นทำให้ได้รับเอกสารจากกรมสรรพากรเรียกเก็บภาษีย้อนหลัง

สาเหตุที่เจ้าของโพสต์ได้นำเรื่องราวของตนเองมาโพสต์ผ่านโซเชียลเพราะต้องการที่จะเตือนบรรดาพ่อค้าแม่ค้าทั้งหลายที่เปิดร้านขายต้นไม้ว่าให้ยื่นเรื่องการเสียภาษี

ถึงแม้ว่าจะมีรายได้น้อยหรือมีรายได้มากก็ตามโดยทางกรมสรรพากรจะเป็นคนแนะนำรายละเอียดการเสียภาษีให้ซึ่งถ้าหากว่ามีรายได้เข้าเกณฑ์ที่จะต้องเสียภาษีและไม่เสียสุดท้ายแล้วกรมสรรพากรก็จะมีการตรวจสอบพบอยู่ดีและจะมีการคิดภาษีย้อนหลังถึงตอนนั้นนอกจากจะต้องเสียค่าภาษีแล้วยังจะต้องเสียค่าปรับย้อนหลังเป็นจำนวนมากอีกด้วย 

ซึ่งเจ้าของโพสต์ก็ได้มีการเล่าประสบการณ์ของตนเองว่าหลังจากที่มีการพูดคุยกับกรมสรรพากร โดยเจ้าหน้าที่ได้นำส่วนลดต่างๆมาลดหย่อนให้มากมายแล้ว

แต่ก็ยังต้องจ่ายเพิ่มอีกกว่าล้านบาทเลยทีเดียวเนื่องจากว่าตัวเขาเองนั้นถูกเรียกเก็บภาษีในอัตราก้าวหน้ากว่า 30% โดยถูกกรมสรรพากรเรียกกับภาษีย้อนหลังตั้งแต่ปีพ.ศ 2563 มาจนถึงปีปัจจุบัน 

สำหรับใครที่มีแนวความคิดที่จะไม่จ่ายภาษี  ทั้งที่มีรายได้ถึงแนะนำว่าอย่าเสี่ยงดีกว่าเพราะสุดท้ายแล้วกรมสรรพากรก็จะมีการตรวจสอบพบจากบัญชีเงินเข้าและถ้าหากว่ายิ่งจ่ายช้าก็จะยิ่งเสียเงินมากขึ้นเป็นทวีคูณเพราะเบี้ยปรับจะมีการปรับแพงมากและที่สำคัญถ้าไม่จ่ายภาษีทั้งที่เข้าเกณฑ์ก็จะถือว่ามีความผิดทางกฎหมายถูกดำเนินคดี

นอกจากนี้ยังอาจจะถูกอายัดเงินในบัญชีได้อีกด้วย  เพราะฉะนั้นการทำตามกฎหมายจึงเป็นสิ่งที่ดีที่สุด หากยื่นเรื่องไปแล้วยอดเงินไม่เพียงพอต้องถูกหักภาษีก็ไม่มีผลอะไร ดีกว่าไปถูกเรียกเก็บค่าปรับย้อนหลัง

 

ได้รับการสนับสนุนโดย    เคลียร์โปรตีน