เมื่อวันที่ 1 เดือนมิถุนายน ปีพ.ศ 2560 ที่สถานีตำรวจภูธรเมืองอุบลราชธานีได้มีนักศึกษาจำนวนทั้งสิ้น 5 คนด้วยกันเดินทางเข้าแจ้งความเพื่อต้องการให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยทำการอายัดบัญชีธนาคารรวมทั้งสิ้น 12 บัญชีด้วยกันโดยนักศึกษาทั้ง 5 คนนั้นเป็นนักศึกษาช่างฝีมือของเมืองอุบลราชธานี
สำหรับต้นเหตุในการแจ้งความครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อมีนักศึกษาคนหนึ่งได้รับการติดต่อจากทางธนาคารว่าบัญชีที่มีการเปิดกับทางธนาคารเอาไว้มีเงินหมุนเวียนในบัญชีรวมแล้วมากกว่า 7 ล้านบาท
ส่งผลทำให้นักศึกษารายดังกล่าวตกใจเป็นอย่างมากเนื่องจากว่าครอบครัวไม่ได้มีฐานะร่ำรวยและไม่มีการทำธุรกิจอะไรและที่สำคัญบัญชีดังกล่าวนั้นเปิดเนื่องจากว่ามีรุ่นพี่นักศึกษารายหนึ่งมาจ้างให้ไปเปิดบัญชีโดยรับเงินค่าจ้างเพียงแค่ 500 บาทเท่านั้น
ทางเจ้าของบัญชีเองก็ไม่ได้ทราบว่ารุ่นพี่นำบัญชีไปใช้ทำอะไรจึงเกิดความรู้สึกไม่สบายใจที่เห็นเงินในบัญชีมีเงินหมุนเวียนในแต่ละเดือนยอดสูงผิดปกติเกรงว่าจะมีการนำบัญชีไปเปิดเพื่อทำเรื่องผิดกฎหมายเพื่อความปลอดภัยจึงได้มีการรวบรวมข้อมูลมาแจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ
โดยนักศึกษารายนี้ได้มีการสอบถามเพื่อนคนอื่นๆที่ไปเปิดบัญชีพร้อมกันและมีผู้ว่าจ้างเป็นรุ่นพี่คนเดียวกันซึ่งแต่ละคนก็เปิดคนละ 2-3 บัญชีในชื่อเดียวและแต่ละบัญชีก็มีเงินหมุนเวียนเดือนละหลายล้านบาทโดยรวมกันแล้วทั้งหมด 12 บัญชีมีเงินหมุนเวียนมากกว่า 100 ล้านบาทดังนั้นนักศึกษาทั้ง 5 คนจึงได้รวมตัวกันนำหลักฐานมาที่สถานีตำรวจนั่นเอง
ภายหลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับทราบข้อมูลก็ได้มีการเรียกตัวรุ่นพี่ที่ถูกกล่าวอ้างว่ามีการมาจ้างให้เปิดบัญชีโดยรุ่นพี่คนดังกล่าวก็รับการว่าจ้างมาอีกทอดหนึ่งโดยผู้เป็นแม่เป็นคนฝากให้หารุ่นน้องมารับจ้างเปิดบัญชีซึ่งจะให้ค่าตอบแทนบัญชีละ 500 บาท
โดยมีคนที่ว่าจ้างเป็นเพื่อนของแม่ ซึ่งในขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการทราบรายชื่อของผู้ที่ว่าจ้างให้เปิดบัญชีเป็นที่เรียบร้อยแล้วและได้มีการเรียกตัวมาสอบปากคำโดย ทราบว่าบัญชีที่เปิดนั้นเปิดเพื่อรับเงินค่าหวยใต้ดิน ซึ่งถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจจะมีการดำเนินคดีต่อไป
อย่างไรก็ตามการรับจ้างเปิดบัญชีนั้น มีผู้คนเป็นจำนวนมากที่หลงเชื่อและมีการรับจ้างเปิดบัญชีซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะเป็นพวกมิจฉาชีพมาหลอกลวงให้เปิดบัญชีเพื่อรับโอนเงินจากการหลอกลวงต้มตุ๋น หรือแม้แต่เปิดบัญชีเพื่อรับเงินจากช่องทางที่ผิดกฎหมาย
ซึ่งถ้าหากว่ามีการดำเนินคดีเจ้าของบัญชีเองก็จะมีความผิดด้วยถึงแม้ว่าจะไม่ได้รับรู้ถึงการกระทำผิดแต่ชื่อเจ้าของบัญชีที่รับเงินเป็นชื่อของใครคนนั้นก็ถือว่าเป็นผู้ที่กระทำความผิดด้วยเช่นเดียวกัน
ได้รับการสนับสนุนโดย Holiday Palace